
“ชุมชนตะลุโบะ” เปิดหัวผู้นำอีก4ชุมชนในตำบลจะบังติกอร่วมพลังเอาด้วย !! เตรียมแถลงการณ์เป็นพื้นที่สีขาวปลอดภัยจากยาเสพติด ย้ำ!! ห้ามเห็น มิให้มีการขายน้ำและใบกระท่อมในพื้นที่ตำบลจะบังติกออย่างเด็ดขาด

“เทศบาลเมืองปัตตานีเตรียมประกาศให้ชุมชนตะลุโบะเป็นชุมชนสีขาว ด้วยมีเปอร์เซ็นต์ของยาเสพติดน้อยมาก ด้วยมาตรการที่ทุกคนในชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการสอดส่อง ดูแล สังเกต แจ้งให้ทราบ เมื่อมียาเสพติดจะจัดการอย่างไร ดูแล รักษาและบำบัด” นายซัยนูรดีน นิมา ประธานสภาสันติสุขตำบลจะบังติกอ บอกถึงการรับมือสถานการณ์ยาเสพติดทั้งกระท่อมและยาเสพติดชิดอื่นในพื้นที่ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี
จากการที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ยังคงเดินหน้าอย่างจริงจัง ตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อผลักดันวาระ 120 วันกวาดล้างพืชกระท่อมให้เป็นรูปธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยมีกำหนดสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ทางสภาสันติสุขตำบลจะบังติกอได้เตรียมรับมือและมีมาตรการร่วมกับทางเทศบาลเมืองปัตตานีด้วยเช่นกัน
“นโยบายปลดล็อคกระท่อมทำให้ควบคุมไม่ได้ ปลดล็อคแต่ไม่ได้วางกฏเกณฑ์ กระท่อมมีประโยชน์น้อยเป็นเพียงข้ออ้างในเรื่องการชูกำลัง เป็นภัยของทุกคนทุกครอบครัว เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องช่วยกันทุกคนทุกฝ่าย”
ขณะเดียวกันใน พื้นที่ตำบลจะบังติกอ เป็นพื้นที่เขตเทศบาลเมืองปัตตานี มีจำนวนประชากร มากขึ้นในตำบลมากขึ้นร้อยละ15ของปีที่ผ่านมา มีคนต่างพื้นที่จากพื้นที่ต่างๆในปัตตานี ผู้คนหลากหลายที่มาอาศัย และประกอบอาชีพ ทั้งคนในชุมชนดั้งเดิม และพี่น้องที่มาจากที่อื่น จากสถิติจะเห็นได้ว่ามีคนต่างถิ่นเข้ามาอาศัยบ้านเช่าในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี
สำหรับตำบลจะบังติกอ หากจัดลำดับเรียบเรียงผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมทั้งตำบลหลายเกรดA+ และเป็นแหล่งท่องเที่ยววเชิงประวัติศาสตร์ มีชุมชน ชุมชนตะลุโบะ ชุมชนวังเก่า ชุมชนริมคลอง ชุมชน มัสยิดกลางและชุมชนเวาะกะห์เจะฮะ โดยทางเทศบาลฯ เลือกชุมชนตะลุโบะเป็นชุมชนสีขาว ด้วยมีเปอร์เซ็นต์ของยาเสพติดน้อยมาก ซึ่งนายซํยนูรดีนบอกว่า
“ในชุมชนตะลุโบะไม่มีพื้นที่ที่ขายใบกระท่อมและพื้นที่ปลูกต้นกระท่อม จะมีขายรอบนอกชุมชน ก่อนปลดล็อคในส่วนการเสพมีทั้งกระท่อมและยาเสพติดอื่น และมีแค่กลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น ไม่มีกลุ่มสูงอายุ ซึ่งจะมีการประกาศ มีมาตรการให้ชุมชนรับรู้ว่าจะเป็นชุมชนสีขาว ทุกคนในชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการสอดส่อง ดูแล สังเกต แจ้งให้ทราบ เมื่อมียาเสพติดจะจัดการอย่างไร ดูแล รักษาและบำบัด
ในเบื้องต้นทางเทศบาลฯ จะออกสำรวจเชิงลึกในเขตพื้นที่ชุมชนอย่างจริงจังและะเข้มงวดขึ้น เมื่อเจอจริง เราจะพูดคุยกับ ผู้ปกครองในการร่วมมือกันนำสู่กระบวนการรักษา บางคนบอกอย่าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ทำงานดีกว่า ทั้งที่ในความเป็นจริงยาเสพติด คือตัวก่อปัญหาสังคม ในอีกหลายปัญหาที่จะตามมา หากทุกคนมองข้ามว่า ไม่ใช่ปัญหาของตัวเอง ปัญหาเดิมๆ ก็จะวนเวียนไม่หมดสิ้นสักที ”
นายซัยนูรดีนบอกว่า ปัญหา คือ เมื่อติดยาแล้วในการเข้าสู่กระบวนการรักษาต้องใช้เงิน รัฐจะมีวิธีอย่างไรในการช่วยเหลือ จะใช้วิธีของรัฐหรือสังคมช่วยเหลือกันดูแลกัน จะช่วยกันอย่างไรในการส่งไปบำบัดซึ่งต้องใช้เงินคนละประมาณ 3,000-4,500 บาทต่อคนต่อเดือนในสถานบำบัดแต่ละที่
“เราจะสร้างสังคมเราอย่างไร ที่มีความเอ็นดู ดูแลกันกับผู้ต้องราชทัณฑ์ที่พ้นโทษมาสู่สังคม ผู้นำชุมชน อิหม่าม จะช่วยวางแผนชีวิตพวกเขาได้อย่างไร ไม่ใช่แค่ทักว่า ”ออกจากคุกแล้วเหรอ ออกมาเมื่อไหร่” ต้องช่วยกันดูแลเป็นระบบ ด้านศาสนาช่วยดูแล ดึงมาบำบัดจิตใจ เป็นพื้นที่ของผู้นำศาสนาที่ต้องคิด คุยกันในการช่วยดูแลสังคมในชุมชน ส่วนสถานประกอบการควรให้โอกาส อย่าตั้งข้อรังเกียจและกังวลว่าคนออกจากคุกจะทำไม่ดี” โดยในเร็วๆวันนี้ ทางเทศบาลเมืองปัตตานีจะประกาศอย่างเป็นทางการให้ “ชุมชนตะลุโบะ สู่ ชุมชนสีขาว ปลอดยาเสพติด”
#สำนักข่าวอิศรา #สำนักข่าวไทย ร่วมมือรณรงค์ขยัดภัยร้ายในแหล่งชุมชน ติดเเฮชเเทคคำว่า #SayNO• #น้ำกระท่อม• #ใบกระท่อม•
ตอริก สหสันติวรกุล ผอ.กองบรรณาธิการข่าวภูมิภาค
ศูนย์ข่าวภาคใต้รายงาน