Home ข่าว ศอ.บต. ปัตตานี.- เดินหน้าปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อมต่อเนื่อง​ กลุ่มเยาวชนช่วงวัยม.ปลาย เรียกร้องวอนขอรัฐบาล ให้กลับมาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย​ และเน้นการจัดกิจกรรมเน้นกีฬาให้มากๆ

ปัตตานี.- เดินหน้าปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อมต่อเนื่อง​ กลุ่มเยาวชนช่วงวัยม.ปลาย เรียกร้องวอนขอรัฐบาล ให้กลับมาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย​ และเน้นการจัดกิจกรรมเน้นกีฬาให้มากๆ

ปัตตานี.- เดินหน้าปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อมต่อเนื่อง​ กลุ่มเยาวชนช่วงวัยม.ปลาย เรียกร้องวอนขอรัฐบาล ให้กลับมาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย​ และเน้นการจัดกิจกรรมเน้นกีฬาให้มากๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อ วันที่ 7 กันยายน 2568 ตามนโยบายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ประกาศเดินหน้า วาระเร่งด่วน ปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อมใช้ในทางที่ผิด และไม่ให้มีการจำหน่ายพืชกระท่อมริมถนน จากการลงพื้นที่สำรวจในช่วงที่ผ่านมา พบว่าทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนในจังหวัดปัตตานีได้ให้ความร่วมมืออย่างเข้มแข็ง ส่งผลให้ถนนสายเอเชียที่ตัดผ่านทั้ง 12 อำเภอของจังหวัด ไม่พบผู้ค้าพืชกระท่อมริมทางเหมือนเช่นที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จที่เห็นผลชัดเจน

ขณะเดียวกัน เยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลและป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือพืชกระท่อม ทำให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้จัดกิจกรรมสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การอบรมให้ความรู้เรื่องพิษภัยของยาเสพติด การจัดค่ายเยาวชน การแข่งขันกีฬา เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างเป็นเป็นประโยชน์

โดยที่ผ่านมาเยาวชนในหลายพื้นที่ให้การตอบรับ และเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก หลายคนแสดงความเห็นสนับสนุนนโยบาย 120 วันต้านพืชกระท่อม​ พร้อมทั้งเสนอแนะว่า รัฐบาลควรพิจารณา แก้ไขกฎหมายให้พืชกระท่อมกลับมาเป็นพืชผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคต เพราะเกรงว่าหากยังคงถูกกฎหมาย อาจทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายและเสี่ยงต่อการเสพติดมากขึ้น

นอกจากนี้ เยาวชนยังเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานรัฐ โรงเรียน และองค์กรชุมชน จัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์และต่อเนื่อง เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงออกในทางที่ดี และเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ไปอยู่ในวงจรของยาเสพติด​

นายธนะโชค จันทร์รัตน์ นักเรียนโรงเรียนเดชะปัตตานี เปิดเผยว่า ปัญหาการใช้พืชกระท่อมในกลุ่มวัยรุ่นน่าเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากเข้าถึงได้ง่าย และกำลังแพร่ระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนที่มักมีการชักชวนกันจากเพื่อนสู่เพื่อน ทำให้ควบคุมได้ยาก

ตอนนี้ตนรู้สึกกังวล เพราะดูเหมือนวัยรุ่นจำนวนมากจะให้ความสนใจเรื่องน้ำกระท่อมมากขึ้น ขณะที่กฎหมายยังไม่รัดกุมเพียงพอ จึงทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในสังคม ถึงแม้ในโรงเรียนของตนยังไม่พบเด็กที่ดื่มน้ำกระท่อม แต่ในชุมชนโดยรอบ โดยเฉพาะต่างอำเภอและพื้นที่รอบนอก ยังมีให้เห็นอยู่

นายธนะโชค​ เผยอีกว่า ศูนย์บำบัดถือว่ามีความสำคัญ เพราะหลายคนไม่สามารถเลิกยาเสพติดได้ด้วยตนเอง จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานที่พร้อมให้การช่วยเหลือ ตนขอเสนอให้ภาครัฐเข้มงวดด้านกฎหมายมากกว่านี้ และจัดกิจกรรมให้ความรู้เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนไปติดยาเสพติด รวมถึงสนับสนุนผู้ที่อยากเลิกแต่ยังทำไม่ได้​ ตนมองว่าการออกกำลังกายก็สำคัญ เพราะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากยาเสพติด และทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย

นายธนะโชค​ เผยตอนท้ายวาากล่าว โรงเรียนของตนมีการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดและน้ำกระท่อมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม To Be Number One หรือการเข้าค่ายให้ความรู้เรื่องการป้องกันยาเสพติด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดให้กับนักเรียน​ ตนฝากเตือนไปยังผู้ที่ใช้หรือคิดจะลองดื่มน้ำกระท่อมว่า อย่าได้ลองเลย เพราะมันไม่มีผลดีต่อร่างกาย ถ้าเลิกได้ก็ควรเลิกจะดีกว่า

อามีน​ โลหะ​สัณห์​ รายงาน

Exit mobile version