
ศอ.บต. ลั่นแผนใหญ่ ‘จ.จ.’ เฟสสองต้องไม่จัดแค่คนไทย เปิดชายแดน ‘เอื้อเฟื้อเพื่อนบ้าน’ มาเลเซีย

นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยถึง ผลการจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยเฉพาะที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมาและที่อื่น ๆ ว่า “พอใจมาก” เนื่องจากประสบความสำเร็จเกินคาด แม้จัดในพื้นที่ห่างไกลและติดชายแดน เผยตัวเลขชัดเจน “เงินสะพัด 7-8 ล้านบาท” ในระยะเวลา 3 วัน ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเงินลงทุนของภาครัฐ
นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำเร็จของการจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยเฉพาะที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่า ผลการจัดงานเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และต้องใช้คำว่า “พอใจมาก”
“ผมเองพอใจอยู่แล้ว เพราะการจัดงานเป็นการลงทุน และเป็นเงินของภาครัฐ ท่านนายกฯ ได้กำชับว่า การจัดงานใด ๆ ต้องดูว่า หนึ่ง มี Impact ไหม สอง มันสร้างความเชื่อมั่นได้จริงหรือเปล่า และสาม ตัวเลขสถิติที่ชัดเจนคือ ยอดการซื้อขาย” นายปิยะศิริ ระบุ
เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจนว่า ตลอด 3 วันที่มีการจัดงาน ยืนยันว่า มีเงินหมุนเวียนอยู่ที่ 7-8 ล้านบาท โดยเน้นย้ำว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถือเป็นจำนวนที่สูงมาก และเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ใช้ไปประมาณ 2 ล้านกว่าบาท ยอดการขายที่ได้ถึง 7-8 ล้านบาท ถือว่าสูงมาก หรือเกือบ 2-3 เท่าของเงินทุน
นายปิยะศิริ กล่าวถึงผลตอบรับจากผู้ประกอบการว่า ผู้ค้าไม่ได้เชื่อมั่นเพราะว่าการมาขายนั้นฟรี แต่เป็นเพราะ “มันเป็นพื้นที่ที่สามารถที่จะแสดงสินค้าตัวเองนำเสนอไป” ได้จริง การที่ประชาชนมาเดินและจับจ่ายซื้อของ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคหรืออาหาร สิ่งนี้คือการส่งผลให้เกิดการใช้จ่าย และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังร้านอาหารข้างเคียง
“คนในพื้นที่โก-ลก เขาก็รู้สึกว่า มันคึกคัก ดีกว่ามันเงียบไม่มีอะไรเลย พ่อแม่จูงลูกมาเดิน เมืองมันหงอย ๆ แล้วมันไม่มีอะไรที่เป็น… ไม่มีใครไปกระตุ้นในพื้นที่” นายปิยะศิริ กล่าว
นอกจากนี้ การจัดงานที่ตั้งใจเลือกทำเล “ติดชายแดน” และจัดตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์ ยังเป็นความตั้งใจเพื่อ “ใช้กำลังซื้อของมาเลเซีย” ทำให้การจับจ่ายซื้อของง่ายกว่า และยังมีความหวังว่า เมื่อคนมาเลเซียเห็นว่าสินค้าดี จะนำไปสู่การติดต่อเพื่อสั่งผลิตในอนาคต
เลขาธิการ ศอ.บต. ยืนยันว่า “เราจำเป็นต้องทำ” เนื่องจากในพื้นที่ตอนนี้ไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากหน่วยงานอื่นแล้ว โดย ศอ.บต. ทำหน้าที่เป็นหน่วยพัฒนา จึงต้องเดินหน้าในมิติการพัฒนา ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง และเน้นย้ำว่า เป้าหมายหลักคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ และ “สร้างความเชื่อมั่นจริงๆ”
“ถ้าเราไม่มองยิ่งใหญ่ ร้านธรรมดาที่เขาขายได้ เขาได้เงินไปต่อยอดชีวิต เขาได้เอาเงินของเขาไปซื้อของ ซื้อข้าว ซื้อน้ำ ซื้อไข่ ข้าวสาร เพื่อให้ลูกเขาได้ ได้รับประทานกัน เนี่ย อันนี้คือความสุขใจของเราแล้ว” นายปิยะศิริ กล่าว
นายปิยะศิริ เปิดเผยแผนการจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไปว่า ศอ.บต. มีความตั้งใจที่จะนำเรียนท่านนายกฯ เพื่อจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจ “ขนาดใหญ่” โดยอาจจัดในลักษณะที่ไม่ได้จัด 5 ที่ แต่เป็น “รอยต่อระหว่างจังหวัด” หรือ 2 ที่ใหญ่ ๆ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องปรับเปลี่ยนคือ “มันจะจัดเฉพาะของเราไม่ได้แล้ว เราต้องเอื้อเฟื้อประเทศเพื่อนบ้านแล้ว”
“เราอยากให้คนมาเลเซียส่วนหนึ่งเข้ามา เราต้องเอื้อกันน่ะ เขาก็มีผู้ประกอบการรายเล็ก สินค้าคล้าย ๆ กัน ก็มาแข่งกัน ท่านก็มาขายกับเราบ้างซิ”
ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน