กอ.รมน.ภาค 4-ศอ.บต.-กกล.ตร.จชต. แถลงผลงานเด่น! ทลายยาเสพติดล็อตใหญ่ ยึดยาบ้ากว่า 3.1 ล้านเม็ด รวบผู้ต้องสงสัยคดีปล้นทองสุไหงโก-ลก และคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่

ยะลา – วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2568) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมยะลารวมใจ ชั้น 2 กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กกล.ตร.จชต.) ได้มีการแถลงข่าวสำคัญถึงผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด คดีความมั่นคง และคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ในห้วงเดือนตุลาคม 2568 ถึงปัจจุบัน โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงาน นำโดย พล.ท.นรธิป โพยนอก ผอ.รมน.ภาค 4, พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบ.กกล.ตร.จชต., นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการ ศอ.บต., นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และ พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล หน.สสส.กกล.ตร.จชต. ตามนโยบายของรัฐบาลที่เร่งรัดติดตามผู้ก่ออาชญากรรม, ปราบปรามยาเสพติด และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ผลการปราบปรามยาเสพติด: ยึดยาบ้ากว่า 3.1 ล้านเม็ด พร้อมอายัดทรัพย์สิน
จากการสืบสวนพบว่าพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 เป็นพื้นที่แพร่ระบาดและเป็นพื้นที่พักยาเพื่อลักลอบส่งไปยังประเทศที่สาม ในห้วงที่ผ่านมามีการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญรวม 3 คดี ดังนี้:
* คดีที่ 1 (นราธิวาส): เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่จับกุม นายเจ๊ะรอฮิง ชาว อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และ นายมูหามัดซอปิ ชาว อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมของกลาง ยาบ้า 1,898,000 เม็ด บริเวณป่าละเมาะ ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินรวม 3 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 5,880,000 บาท ประกอบด้วย รถยนต์เก๋ง 1 คัน, รถจักรยานยนต์ 3 คัน, และบ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง
* คดีที่ 2 (สงขลา): เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดใน จ.ปัตตานี ที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม นายบ่าว ใน จ.สงขลา โดยจับกุม นายสุรศักดิ์ ชาว อ.ระโนด จ.สงขลา พร้อมของกลาง ยาบ้า 1,000,000 เม็ด และรถยนต์เก๋ง 1 คัน
* คดีที่ 3 (ยะลา): เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ขยายผลจากคดีจับกุมยาบ้า 200,000 เม็ด เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 นำไปสู่การจับกุม นายอัศกร พร้อมยาบ้า 6 เม็ด และอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก ก่อนขยายผลจับกุมผู้ร่วมเครือข่ายอีก 4 ราย พร้อมยาบ้า 32,000 เม็ด รวมยาบ้าที่จับกุมได้ในคดีสำคัญ 3 คดีนี้ รวมกว่า 3.1 ล้านเม็ด
คดีความมั่นคง: รวบผู้ต้องสงสัยคดีปล้นทอง สุไหงโก-ลก
ในส่วนของคดีความมั่นคง มีผลการปฏิบัติที่สำคัญรวม 3 คดี:
* คดีปล้นร้านทองเยาวราชกรุงเทพ สาขา ห้างบิ๊กซีสุไหงโก-ลก (5 ต.ค. 68): เหตุการณ์ต่อเนื่อง 3 เหตุการณ์ (ปล้นรถยนต์, ปล้นทอง, วางระเบิดสกัด 3 จุด) จากการปฏิบัติการเชิงรุกควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการซักถาม 2 คน ซึ่งให้การรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนราธิวาสไว้แล้ว 7 หมาย
* คดีผู้ก่อเหตุรุนแรง อ.เมือง จ.ยะลา: ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรง ซักถามขยายผล ออกหมายจับ 4 หมาย จับกุมแล้ว 1 หมาย
* คดีผู้ก่อเหตุรุนแรง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี: ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรง ซักถามขยายผล ตรวจยึดอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 30 นัด ผลตรวจพิสูจน์พบว่าอาวุธปืนมีประวัติก่อเหตุมาแล้ว 8 คดี
🔪 คดีอุกฉกรรจ์: เยาวชนก่อเหตุฆ่า 2 ศพที่หาดนราทัศน์ และยิงชายชาวมาเลเซีย
มีการแถลงถึงคดีอุกฉกรรจ์ที่มีผลกระทบกับแหล่งท่องเที่ยวและคดีเยาวชนรวม 2 คดี:
* คดีฆ่า 2 ศพและปล้นรถจักรยานยนต์ หาดนราทัศน์ (29 ต.ค. 68): พบผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน 3 คน โดยทั้ง 3 คนมาพบผู้ตายบริเวณริมบึงใต้ต้นสนใกล้รูปปั้นพญานาค หาดนราทัศน์ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส และเกิดความชื่นชอบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต เมื่อไม่ยอมมอบให้จึงชักปืนยิงผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน แล้วนำรถหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ครบทั้ง 3 ราย พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 1 กระบอก และรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ปัจจุบันผู้ก่อเหตุทั้ง 3 รายถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนราธิวาส
* คดียิงชายชาวมาเลเซียเสียชีวิต อ.สุไหงโก-ลก (1 พ.ย. 68): เหตุยิง นายมูฮำหมัด ฟูอัด ฟาร์มี สัญชาติมาเลเซีย เสียชีวิต ที่ชุมชนบือเร็ง เจริญเขต ซอย 19 อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จากการสืบสวนพบว่าผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนร้ายมาก่อน ศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับ นายอารีฟ และ นายชารีฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายอารีฟ ได้แล้ว และให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิง พร้อมนำไปตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้นชนิดกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. 2 กระบอก ส่วนคนร้ายอีกคนที่หลบหนีอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยืนยันว่า การปฏิบัติงานทั้งหมดอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่จำเป็น โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน นิติธรรม และนิติรัฐ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเท่านั้น พร้อมขอบคุณเครือข่ายภาคประชาชนที่ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสต่างๆ เพื่อร่วมกันทำให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้