ปัตตานี.- สภาอุตสาหกรรมปัตตานี ยังยันคำเดิม!! ไม่เอาคนกินกระท่อม เราต้องการแรงงานที่มีคุณภาพมาทำงาน
วันที่ 13 กันยายน 2568 ผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมปัตตานียืนยันไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเสพติดของแรงงานในสถานประกอบการ ชมศอ.บต.มาถูกทาง ตัดวงจรพืชกระท่อม หนุนให้ผิดกฎหมาย หวังยกระดับแรงงานและเยาวชนมีคุณภาพ ในการพูดคุยสอบถามความคิดเห็นประเด็นการใช้สารเสพติดของแรงงานในสถานประกอบการในจ.ปัตตานี โดยมีกระท่อมเป็นสารตั้งต้น ซึ่งเป็นนโยบายร่วมกันระหว่างรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมและลดการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นางจุฑารัตน์ ไลวานิช ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี บอกว่า ใบกระท่อมเป็นวิถีของคนที่นี่และปัญหายาเสพติดในพื้นที่มีค่อนข้างมาก หน่วยงานที่มาร่วมมือกันเป็นความหวังที่จะยกระดับแรงงานและเยาวชนในพื้นที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น “เราจะไม่ก้าวล่วงงานเชิงลึกแต่ละโรงงาน ซึ่งมีกฎหมายบังคับ เป็นมาตรการเรื่องยาเสพติดอยู่แล้ว การที่กระท่อมถูกบังคับใช้ ทำให้เจ้าของกิจการสามารถตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้นเพราะห้ามนำเข้ามาในโรงงาน แต่ถ้าถูกกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้
เราหวังลึกๆ ว่าประเทศไทยจะปลอดยาเสพติดทุกชนิด ไม่อยากให้มี ไม่ใช่แค่สถานประกอบการ ผู้ใหญ่ ผู้ปกครองเองก็ไม่อยากเห็นลูกหลานไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่แล้ว สภาฯ ไม่ได้คุยแค่เรื่องกระท่อม เราคุยถึงเรื่องแรงงาน การศึกษา สุขภาพ ไม่อยากให้มีการไปเกี่ยวข้องกับเยาเสพติด อยากได้แรงงานที่มีคุณภาพ การมีกฎเรื่องกระท่อมนี้ออกมา น่าจะเป็นก้าวเล็กๆ ที่ทำให้คุณภาพของคนในพื้นที่ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งในภาคอุตสาหกรรมหวังมีแรงงานคุณภาพที่ดี ช่วยพัฒนาจังหวัดเติบโตไปด้วยกัน”
นายวรุต ชคทิศ รองประธานสภาฯ บอกว่า ในพื้นที่นี้มองว่าพืชกระท่อมเป็นวิถีชีวิต มีแรงงานภาคอุตสาหกรรมที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ผูกพันกับกระท่อมว่าเป็นยาชูกำลัง ซึ่งการที่มีผลกระทบจริงๆ คือนำสิ่งอื่นมาผสมในน้ำกระท่อม
“เกือบทุกคนมีขวดติดมือมา เริ่มจากกระท่อมไปสู่ยาบ้า มันไม่ได้ทำลายแค่หน้าที่การงาน แต่มันทำลายครอบครัวด้วย บางคนอายุยังน้อยแต่เป็นโรคไต ต้องไปฟอกไต สังเกตคนติดน้ำกระท่อมจะมีฟันหลอ อายุ 20 กว่าฟันหายหมดปาก ข้อเสียของคนติดน้ำกระท่อมคือ ขี้เกียจ ตื่นยาก นอนไปโดยไม่ได้แปรงฟัน ทำให้ชีวิตตัวเองและครอบครัวพัง นำไปสู่การหย่าร้าง กลายเป็นแรงงานที่ไม่มีคุณภาพ เป็นผลเสียต่อเนื่องกันหมด ในโรงงานมีลูกน้องเป็นพันคน ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องมีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เชื่อว่าลูกน้องที่ติดยาเสพติดจะอยู่ไม่ได้ เพราะสังคมที่เราอยู่เป็นสังคมที่ไม่มียา หากเขาเข้าไปเกี่ยวข้องและได้รับโอกาส กำลังใจทำให้เขากลับมาเป็นคนดีได้ มีหนทาง ชีวิตไม่ได้แย่ตลอด บางครั้งชีวิตที่ไม่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ เมื่อน้ำดีมากกว่าน้ำเสีย สังคมก็จะสงบสุข”
วรุตบอกว่าในโรงงานมีมาตรการหากมีการยุ่งเกี่ยวกับยาบ้า จะตรวจปัสสาวะ หากพบให้โอกาสตรวจอีกในเดือนหน้า หากเดือนหน้าไม่เจอ ก็ตรวจอีกสามเดือน มองว่าผู้เสพติดคือผู้หลงผิด อยากให้กลับมาเป็นแรงงานที่ดี สิ่งสำคัญที่สุดคือครอบครัวและเพื่อน
“กระท่อมมีส่วนผสมนำไปสู่ยาบ้า กระบวนการคือตัดที่ต้นทาง ทำอย่างไรไม่ให้ยาบ้าเข้ามา โดยมีจุดเริ่มต้นจากน้ำกระท่อม ต้องมีวิธีการที่เด็ดขาด ไม่ได้มองเขาว่าเป็นแรงงานที่ไม่ดี มองว่าเป็นหน้าที่เราที่ต้องดึงกลับเข้ามาเป็นแรงงานที่มีคุณภาพให้ได้ เราพร้อมให้โอกาส โอกาสมีเสมอถ้าเรามองหามัน การที่ศอ.บต.มาเน้นจุดนี้ ไม่ได้ช่วยแค่ชาวบ้าน แต่ทำให้สังคมมีประสิทธิภาพ แรงงาน มีสันติสุขในสังคม” ในบทบาทของสภาฯ ซึ่งเคยมีแรงงานสูงสุดถึง 30,000 คน เหมือนเป็นเมืองๆ หนึ่ง ซึ่งวรุฒ บอกว่าหากอุตสาหกรรมมีจำนวน 100,000 คน ไม่ต้องมีคนจน เมื่ออุตสาหกรรมเกิดขึ้นมาก สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจะช่วยดูแทนภาครัฐ ช่วยอบรม สร้างรายได้ สร้างพนักงานที่มีคุณภาพ และสร้างสังคมที่สงบสุข “ปัตตานีถูกออกแบบมาโดยภูมิรัฐศาสตร์ที่ดีมาก เขตอุตสาหกรรมปัตตานีสวยมาก เมื่อที่นี่เกิดก็จะต่อไปปะนาเระเอง มองได้หลายมิติ ประเมินมูลค่าไม่ได้”
ตอริก สหสันติวรกุล ปัตตานี