รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิด “สภาสันติสุขตำบล” บางเก่า สายบุรี สร้างความเข้าใจ-ฟื้นความเชื่อมั่น หลังเหตุปะทะสลด ย้ำรัฐให้ความสำคัญ ‘ปอเนาะ’ ศูนย์กลางการศึกษา
ปัตตานี – เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 เวลา 08.30 น. พลตรี ชาคริต อุจะรัตน รองแม่ทัพภาคที่ 4 และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เป็นประธานในการประชุม “สภาสันติสุขตำบลบางเก่า” ณ สถาบันปอเนาะ มอ์หัด อัตตัรบียาดุลฮะดีซะห์ หมู่ที่ 4 ตำบลบางเก่า อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เพื่อร่วมพูดคุย รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะจากผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับประชาชน อันจะนำไปสู่การสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน.
การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์บังคับใช้กฎหมายเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ตำบลบางเก่า อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านหลังสถาบันปอเนาะ และเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด ส่งผลให้ ดาบตำรวจ สมศักดิ์ หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 444 เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 1 ราย
ทราบชื่อคือนายมูฮัมหมัด อายุ 64 ปี ซึ่งมีหมายจับในคดีความมั่นคง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้อีก 1 ราย คือ นายซูรฮาฟีซี อายุ 29 ปี ซึ่งมีหมายจับ ป.วิอาญา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก.
พลตรี ชาคริต กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนงานสร้างสันติสุข โดยระบุว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาศาสนาอิสลาม (ปอเนาะ) ซึ่งเป็นรากเหง้าและศูนย์กลางการเรียนรู้ของลูกหลานในพื้นที่มายาวนาน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับสถาบันปอเนาะ ในฐานะแหล่งสร้างสรรค์คนดี ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญของสังคมในอนาคต.
ด้าน นางวันสุริยา ชาวบ้านตำบลบางเก่า กล่าวเปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกดีใจที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ไม่ทอดทิ้งประชาชน และเข้ามาดูแลให้กำลังใจอย่างต่อเนื่องหลังเกิดเหตุการณ์ ยอมรับว่าในช่วงแรกชาวบ้านต่างตกใจและหวาดกลัวจนส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน แต่เมื่อภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ ดูแล และสร้างความเข้าใจ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและความอุ่นใจมากขึ้น.
ทั้งนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำให้ใช้กลไกสภาสันติสุขตำบลเป็นเวทีสำคัญในการพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และร่วมกันหาทางออก เพื่อสร้างความเข้าใจและส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่ “สันติสุขอย่างยั่งยืน” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป.
