
เกาะติดจับมุมกระเเสการเมืองไทย หากทุกคนอยากไปกับเราก็ช่วยกันเเชร์ คนละ 1 เเชร์ งั้นถ้าพร้อมเเล้ว จับให้เเน่นๆน่ะครับ เพราะนี่ คือสิ่งที่หลายคนโดยเฉพาะนักการเมืองหน้าใหม่ หรือ หน้าเก่าก็ตาม การนำเสนอนี้ จึงเป็นเพียงการได้คิดวิเคราะห์ในมุมของนักข่าวในพื้นที่
ทุกคนจะสามารถรับฟังบทสนทนาฉบับเต็ม หาฟังได้จาก POD CAST ได้เร็วๆนี้่ ครับ
รายการ “เกาะข่าวเล่าเรื่อง” ตอน รายงานพิศษจากคนในวงการข่าว นามปากกา ส.ราชวัง
เขียน สำนักข่าว THE STRINGER TODAY วันที่ 7 /11/ 2568
หากอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ และรวมไปถึง การพัฒนาดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ให้ประชาชนลองพิจารณา เลือกให้เป็น ส.ส.เขต 1 มารับใช้ประชาชนตามความตั้ใจเเละมุ่งมั่น ต้องการทำสิ่งดีๆเพื่อตอบเเทนพี่น้องชาว จ.ยะลา (บ้านเกิดท่านเอง)
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ 6 พ.ย.2568 จากกระเเสข่าว ทั้งการเมืองไทยเเละต่างประเทศ กระแสการเมืองไทยดูจะมีทีท่าคลาสสิค อาทิ เเจกกล้วย ป้อนน้ำที เติมามาเค็ม ศัพท์เเบบใหม่มักไม่คุ้นชิน สำหรับคนยุค 90 อย่างเรา
สำหรับบรรยากาศของชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) พบว่ายิ่งใกล้กำหนดการประกาศยุบสภาของฝ่ายรัฐบาล ยิ่งทำให้เกิดกระแสตื่นการเมืองเพราะบรรดาตัวตึงที่เป็นสส. รวมทั้งว่าที่ผู้สมัครสส.ที่จะลงสนามเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองใหญ่ยิ่งทำกระแสเรียกร้องได้อย่างมาก โดยเฉพาะการคาดเดาของกลุ่มชาวบ้านในแต่ละฝากฝั่งต่างก็วิเคราะห์เลือกตั้งครั้งนี้เงินสะพัดมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยแต่ละวันตามชุมชนเมืองและหมู่บ้านต่างใช้ร้านน้ำชาเป็นแหลงจุดรวมพลคนคอการเมืองและแรกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารพรรคการเมืองต่างๆ อย่างเมามัน โดยเฉพาะพื้นที่จชต.คือฐานเสียงส่วนใหญ่ของพรรค ปชช.กับกระแสข่าวว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อาจลดบทบาทถึงขั้นจะประกาศยุติทางการเมืองเร็วๆนี้ เพราะด้วยอายุมากจึงต้องการพักผ่อนดูแลสุขภาพ จึงทำให้เกิดข้อถกเถียงตามกระแสว่า หากครั้งหน้าแบนอ ไม่ลงเล่นแล้วน้องชายคือซูกาโน หรือ ทวี ใครจะคุมพรรคแทนท่ามกลางกระแสว่าพรรค ปชช.ก็มีปัญหาภายใน ดังนั้นจะส่งผลต่อคะแนนนิยมทำให้ สส.พรรคลดหรือเพิ่มขึ้นจากผลงานอะไรหรือไม่
อีกกระแสแรงและร้อนของ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ประกาศชัดเจนว่าจะปุกธงให้ได้ทั้งหมดในส่วนของพื้นที่จชต.(ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) และจะส่งผู้สมัครให้ครบทุกเขต ท่ามกลางกระแสส่วนหนึ่งของชาวบ้านมองว่าพรรคภูมิใจไทย อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าสนใจและยังคงเนื้อหอม เนื่องจากยังคงมีสส.ในสายจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งจากพรรคฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายรัฐบาล ติดต่อพูดคุยเงื่อนไขและข้อตกลงในการเดินหน้าทำงานร่วมกัน ภายใต้การย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย จนเป็นพรรคที่มาพร้อมกระแสร้อนแรงที่ชาวบ้านพูดถึงและให้ความสนใจเป็นพรรคอันดับต้นๆ


นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผอ.พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่ายิ่งมีพรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการย้ายสังกัดพรรคของสส. รวมทั้งว่าที่ผู้สมัครสส.เข้าออกตามพรรคต่างๆก็เป็นธรรมดา ส่วนข้อสงสัยที่มีภาพข่าวผู้คนมาหาและแสดงความยินดีกับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่น้องๆ เพื่อนฝูง กลุ่มคนที่รักและเคารพเรา เขามาเพียงเพื่อแสดงความยินดี จนถูกปั่นเป็นกระแสโยงว่ามีบุคคลจากหลากหลาย โดยเฉพาะสายการเมืองเดินทางเยี่ยมให้กำลังใจและแสดงความยินดีในฐานะรับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรมเท่านั้น ไม่ได้มีดีลลับอันใดทั้งนั้น ส่วนเรื่องผู้สมัครว่าที่สส.ของพรรคก็เดินหน้าต่อเนื่องและอยู่ระหว่างพิจารณาตามขั้นตอน

ขณะที่การคัดหาและเปิดตัวผู้สมัครสส.ในพื้นที่จชต.เกิดความล่าช้าเพราะมีดีลลับนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่การคัดเลือกครั้งนี้พรรคเองก็เน้นเรื่องคุณสมบัติที่ต้องพยายามคัดคนที่ดีที่สุด เพื่อให้เป็นทางเลือกกับชาวบ้าน เป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชนในยามเดือดร้อน เพราะฉะนั้นเราต้องคัดคนที่ดีมีคุณภาพ มีประวัติและคุณสมบัติที่ดี รวมถึงเป็นคนที่มีจิตใจดี แล้วก็มีจิตใจที่จะอาสาตัวเองมารับใช้พี่น้องประชาชน เราจะดูเรื่องนี้เป็นหลัก
นายสิรภพ ผอ.พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าการตัดสินใจเลือกผู้สมัครที่เป็นคนไทยพุทธ คือ นายประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ ว่าที่ผู้สมัคร สส.ยะลา เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีพี่ชายคือนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ อดีต สส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ 6 สมัย การเลือกผู้สมัครเป็นคนไทยพุทธในครั้งนี้ จริงๆแล้วเราไม่ได้แบ่งแยกว่าต้องเป็นไทยพุทธหรือมุสลิม เราเพียงอยากจะบอกว่าคนที่เราเลือกมานั้นเป็นผู้แทนนั้น มองว่าสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวไทยพุทธ หรือพี่น้องชาวไทยมุสลิมได้และต้องทำหน้าที่คอยเป็นกระบอกเสียงของพี่น้องในพื้นที่ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นมากกว่า

ท้ายที่สุดแล้วมีความกังวนกับกระแสพรรคใหญ่ๆ ต่างชิงประกาศปักธงและส่งผู้สมัครสส.เต็มอัตราเกือบทุกพื้นที่ ตรงนี้มองว่าทุกคนเวลาลงสมัครแล้วเขาต่างก็ตั้งใจ จะทำได้แค่ไหนก็ขอให้ทำอย่างเต็มที่ ดังนั้นการจะทำงานการเมืองเราเองต้องมี แต่เราทำอะไรที่เต็มที่แล้วก็คิดว่าก็จะมีคือการทำงานของการการทำงาน การเมือง มันต้องมีจิตใจในการช่วยเหลือประชาชน ตัวอย่างเช่นผู้สมัครสส. ยะลา เขต1 ตระกูลนี้เขามีการช่วยเหลือชาวบ้านมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทำเอาปีสองปี หรือเพียง10 ปี เขาทำมาตั้งแต่รุ่นแม่เขาได้ช่วยเหลือชาวบ้านหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการสร้างและให้อาชีพแก่ผู้คนลำบาก ซึ่งเป็นการออกช่วยเหลือชาวบ้านมาก่อนตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนในยุคพี่ชายก็เป็นอดีตสส.จ.ยะลา มาก่อนหลายสมัย ก็ได้ทำหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชนมานานมากแล้ว

ดังนั้นคำตอบว่าทำไมพรรคถึงเลือก นายประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ ว่าที่ผู้สมัคร สส.ยะลา เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ก็เพราะตัวเขาเองอยู่ในโมทที่น่าสนใจและยังคอยทำงานให้กับชาวบ้านมาตลอด ตั้งแต่รุ่นไหนต่อรุ่นไหน จนมาถึงทุกวันนี้ โดยพรรคมองถึงความเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจและมีจิตใจช่วยเหลือผู้อื่น จึงเลือกที่จะนำเสนอตัวเลือกหนึ่งที่ดีๆ ให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขต 1จ.ยะลา อยากบอกว่าตัวตนจริงๆ ของผู้สมัครสส.คนนี้ยังมีมุมที่น่าสนใจและเป็นมุมที่คิดว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์มากกว่าที่ผ่านๆ มาแน่นอน
อีกทั้งขอยืนยันอีกครั้งว่า นายประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ คือว่าที่ผู้สมัคร สส.ยะลา เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ โดยเป็นสมาชิกพรรคที่ได้รับการต้อนรับจากนายทพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีผู้ใหญ่หลายท่านต่างให้การสนับสนุนในการทำงานการเมืองในครั้งนี้ เพราะตลอดที่ผ่านมาการทำงานต่างๆ เป็นที่ยอมรับของ
ผู้คน แม้มาสังกัดอภายใต้พรรคภูมิใจไทยก็ยังมีสัญญาณดีๆ ในการจะช่วยสนับสนุนตัวบุคคคลเต็มที่เหมือนเดิม จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีเหมาะสมกับช่วงโอกาส จึงหวังว่าพี่น้องประชาชนทั้งเขต 1 จ.ยะลา จะยังคงอยู่ช่วยกันสนับสนุน ตลอดจนมอบโอกาสและอยากได้การตอบรับและยอมรับจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขต 1 จ.ยะลา ซึ่งทางพรรคเองก็มองว่าเป็นผู้สมัครสส.ทางเลือกที่ดีที่สุดที่เราได้ใช้เวลาในการเสาะหามา หากอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่จ.ยะลา ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมก็อยากให้ลองพิจารณาเลือกให้เป็นสส.นะครับ
รายการพิเศษ ข่าวเล่าเรื่อง ตอริก สหสันติวรกุล ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย โดย ส.ราชวัง
